top of page

10 ขั้นตอนก่อนซื้อรถมือสอง


ยุคนี้ใครๆ ก็อยากมีรถ เพราะการเดินทางที่แสนลำบากบนท้องถนน บางทีเราจะไปจุดหมายปลายทางที่ต้องการต้องต่อรถ ลงเรือ 3-4 ต่อกว่าจะถึงจุดหมาย การมีรถยนต์ส่วนตัวก็จะช่วยเบาปัญหาตรงนี้ไปได้ อีกทั้งยังมีราคาไม่สูงมากนัก บางที่ยังมีโปรโมชั่น ฟรีเงินดาวน์รวมถึงแถมประกันชั้น 1 ให้ด้วย อย่างไรก็ตามในตลาดรถมือสองยังมีรถที่ผ่านการซ่อมแซมมาอย่างมากมายจนอาจใช้งานต่อไม่ได้แล้วและนี่คือ 10 ขั้นตอน ก่อนจะทำการซื้อรถมือสอง

1. ตั้งงบประมาณของตัวเอง ก่อนที่จะทำการซื้อรถมือสอง เราต้องทราบตัวเราเองว่า มีรายได้เท่าไหร่ และมีกำลังจ่ายเท่าไหร่ เพราะอย่าลืมว่าการซื้อรถไม่ได้มีแค่ค่าผ่อนรถประจำเดือนเท่านั้น ยังมีค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษา และค่าจิปาถะมากมาย หากเรามีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน อาจจะตั้งงบประมาณที่จะใช้จ่ายเกี่ยวกับรถไว้เดือนละ 10,000 บาท แบ่งเป็นค่าผ่อน 7,000 บาท ค่าน้ำมัน 2,000 บาท และค่าอื่น 1,000 บาท เป็นต้น ซึ่งงบของรถที่เราจะทำการซื้ออาจะมีราคาไม่เกิน 450,000 บาท

2. เลือกรถที่เหมาะกับตัวตน หลังจากที่ได้งบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราต้องตั้งโจทย์ให้กับตัวเองว่ารถประเภทไหนที่เราต้องการมาใช้งาน เช่น หากคุณต้องการนำรถมาทำธุรกิจที่มีการขนส่งสินค้า ก็คงต้องหารถกะบะสักคันหนึ่ง หรือต้องการรถเพื่อใช้ภายในครอบครัวก็หารถครอบครัวไว้สักคัน

3. หารถที่อยู่ในงบประมาณ ตามหาแหล่งขายรถมือสองต่างๆ ทั้ง เต้นท์รถทั่วไป หรือ เว็บไซต์รวมรถมือสอง หรืออาจจะติดต่อกับเจ้าของรถโดยตรง หารถประเภทที่เราต้องการ และงบประมาณที่ตั้งไว้ในใจ

4. ติดต่อกับผู้ขาย เราอาจจะลิสต์รถต้องการไว้ 4-5 คัน (จะซื้อรถทั้งทีต้องทำการบ้านเยอะนิดนึง) ติดต่อสอบถามกับผู้ขาย ประวัติของรถผ่านอุบัติเหตุมาบ้างหรือไม่ การใช้งานหลักๆเป็นอย่างไร เป็นต้น

5. หาข้อมูลและประวัติเกี่ยวกับรถที่เราต้องการจะซื้อ หาข้อมูลภาพรวมของรถคันที่เราพอใจ วิธีที่ดีที่สุดคือโทรสอบถามศูนย์บริการโดยตรง เช่น หากเราต้องการซื้อรถ โตโยต้า วีออส ปี 2013 เลขไมล์ 100,000 กิโลเมตร เราเพียงแค่จดจำชื่อเจ้าของรถคนเดิม รวมไปถึงจดเลขตัวถังกลับมาแล้วโทรถามศูนย์บริการ เพื่อเช็คประวัติรถว่าเคยเข้าศูนย์บ้างหรือไม่ มีประวัติซ่อมรายการใดบ้าง

6. ตรวจสอบตำหนิรอบคันเบื้องต้น ตรวจสอบรถรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นรอยต่อของรถต่างๆ สีมีการทำมาใหม่หรือไม่ ระบบหล่อเย็นหรือพัดลมใช้การได้เป็นปกติหรือไม่ รถบางคันผ่านน้ำท่วมมาจะมีร่องรอยอยู่บริเวณใต้พรม ใต้เบาะจะมีคราบน้ำ หรือการตรวจสอบด้านบนของถังน้ำมันว่ามีคราบโคลนหรือคราบน้ำมันติดอยู่หรือไม่ หากไม่ใช่รถเดิมๆ ควรสอบถามผู้ขายอย่างละเอียด

7. ทดลองขับ ทำการขอผู้ขายเพื่อลองขับรถคันที่เราสนใจอยู่ ดูว่าเบาะหนังสบายหรือไม่ ศูนย์รถเอียงมากน้อยแค่ไหน ทดสอบการทำงานของหน้าปัดรถ เสียงเครื่อง เบรค ตรวจสอบว่าทุกอย่างตอบสนองได้ดีขนาดไหน

8. ตรวจสอบและซ่อมแซมหากเจอบางอย่างผิดพลาด หลังการทดลองขับ ให้กลับมาดูใหม่ว่ามีสิ่งผิดปกติระหว่างขับรถ หรือหลังขับรถหรือไม่ เช่น มีน้ำแอร์หยดมากเกินไป หรือรอยรั่วของน้ำมัน มีสิ่งชำรุดใต้ท้องรถหรือไม่ เป็นต้น

9. ต่อรองราคากับผู้ขาย โดยปกติแล้วหากคุณซื้อรถมือสองกับผู้ขายโดยตรง หรือที่เรียกกันว่า “รถบ้าน” จะไม่มีการันตีให้กับผู้ซื้อ ซึ่งตรงนี้จะสามารถเป็นข้อต่อรองราคากับผู้ซื้อได้เพิ่มขึ้นจากราคาหลักอีก เทคนิคต่อรองของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่เมื่อได้ราคาที่พึ่งพอใจทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้

10. ต่อรองดอกเบี้ยกับไฟแนนซ์ รู้หรือไม่ว่าดอกเบี้ยของ ไฟแนนซ์ นั้น คุณสามารถต่อรองให้ลดลงมาได้อีก เช่นคุณซื้อรถมือสอง ระยะเวลาผ่อน 72 เดือน ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ถ้าคุณได้คุยกับเซล อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษลดดอกเบี้ยให้คุณในราคาที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้

แม้ว่าเราจะมีความพร้อมเรียบร้อย และตรวจสอบว่ารถสามารถใช้การได้ดี ซึ่งอาจจะกินเวลาของคุณไปบ้าง อย่างไรก็ตามสุภาษิต “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาน” ยังใช้การได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณจะต้องซื้อรถมือสอง

—————————————————————————————————— สนใจรถมือสองติดต่อ “ภัทรลิสซิ่ง” รับประกันไมล์แท้ 100 เปอร์เซนต์ รถทุกคันตรวจสอบประวัติได้ ไม่เคยผ่านการเปลี่ยนสี ไม่ผ่านการชนหนัก บริการจัดไฟแนนซ์ ติดต่อ 092-5078744-5 หรือ Line ID: PLUSEDCAR

เรียบเรียงโดย ภัทรลิสซิ่ง

bottom of page